วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หมู่ถ้ำบาจา Bhaja Caves ตอนที่ ๒

หมู่ถ้ำบาจา Bhaja Caves เช่นเดียวกับหมู่ถ้ำเบดซา คือมีสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาอยู่เท่านั้น ไม่มีพระพุทธรูปอยู่เลยทั่วทั้งบริเวณ เป็นการประกาสความเป็นชาวพุทธแท้ให้โลกได้รับรู้
โดยทั่วไปเป็นที่ทราบกันดีว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเป็นผู้ริเริ่มการปั้นพระพุทธรูปขึ้น จากการที่เข้ามาทำสงครามขยายอาณาเขตถึงอินเดีย และได้เป็นพันธมิตรกับแคว้นคันธารราษฎร์ เมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๐๐-๓๐๐ ตรงกับรัชสมัยของพระราชบิดาของพระเจ้าอโสกมหาราช การปั้นรูปเหมือนเพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าจึงเริ่มอยู่ในใจของชาวอินเดีย แต่ก็ไม่แพร่หลาย แม้แต่ในสมัยพระเจ้าอโสกมหาราช ก็ไม่ทรงปั้นพระพุทธรูปแต่อย่างใด เนื่องจากในสมัยท่านยังมีพระอรหันตเจ้าผู้รอบรู้ในพระธัมมวินัยอยู่เป็นอันมาก หมู่ชนทั้งหลายจึงทราบว่าการปั้นพระพุทธรูปนั้น ไม่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าได้เลย
ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสปัจฉิมโอวาทดังนี้
โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา.
อันมีความหมายว่า พระพุทธวจนะ (พระธัมมวินยะ) คือ พระศาสดาของเธอในกาลล่วงไปแห่งตถาคต
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ไม่เคยทรงตรัสว่าพระพุทธรูปที่ปั้นขี้นมาจะเป็นตัวแทนของพระองค์


พวงดอกไม้ เพื่อสักการะพระพุทธองค์
หมู่ถ้ำทั้งสาม คือ เคล่า บาจา และเบดซานั้น(Karla, Bhaja and Bedsa) น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอโสกมหาราช เนื่องจากไม่มีพระพุทธรูปอยู่ สำหรับถ้ำเคล่า มีการสร้างต่อเติมขึ้นมาเรื่อยๆ จึงปรากฏพระพุทธรูปขึ้น แต่ก็เฉพาะด้านนอกพระอุโบสถเท่านั้น

เครื่องประดับอันวิจิตรเพื่อบูชาพระพุทธองค์
ด้านหน้าของหมู่ถ้ำทั้งสาม(Karla, Bhaja and Bedsa) มีเสาพระเจ้าอโสกทั้งสิ้น จึงสร้างมาเนิ่นนาน ๒,๐๐๐ กว่าปีแน่นอน

ตรงกลางแทนพระอาทิตย์ ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว สัญลักษณ์นี้หมายถึงจักรวาล พระสัพพัญญุตญาณไม่สิ้นสุด ดุจดังจักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด
การที่ปุถุชนจะบรรลุธัมมะได้ ต้องสะสมธัมมะของพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่เบื้องต้นเป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะในเรื่องของปรมัตถธัมมะ คือ จิต... เจตสิก... รูป ต้องสิกขาธัมมะอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เราเป็นปุถุชนไม่มีสิทธิ์คิดเอง ต้องตามธัมมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น


ดอกไม้เพื่อบูชาพระพุทธองค์
ธัมมะของพระพุทธองค์ไม่มีใครสามารถจะคิดให้เหมือนได้ เราต้องสิกขาตามพระพุทธองค์เท่านั้น ต้องฟังธัมมะและใคร่ครวญให้ลุ่มลึก เราฟังธัมมะ และนำเข้าไปเก็บในจิตเรา ในชวนจิต(อ่าน ชะ-วะ-นะ) จะมี “หสิตุปปาทจิต” ที่เป็นจิตพุทธะ คอยตัดสิน ว่าเป็นธัมมะของพระพุทธเจ้าหรือไม่ หสิตุปปาทจิต เป็น จิตพระพุทธเจ้า จะเกิดขึ้น เมื่อมี “พระพุทธวจนะ” เข้าไปในจิตเท่านั้น

พวงดอกไม้เพื่อบูชาพระรัตนไตร
“หสิตุปปาทจิต” เป็นจิตที่คอยรับฟังธัมมะของพระพุทธองค์อย่างเดียว หสิตุปปาทจิต จะรู้ว่า สิ่งใดเป็นธัมมะ สิ่งใดเป็นอธัมมะ เขาจะรับแต่ “พระพุทธวจนะที่ถูกต้อง” ถ้าไม่ใช่จะถูกส่งไปเข้า “อกุสลจิต” โดยมี “อกุสลเจตสิก” มารับ เขาทำงานอยู่ภายใน โดยเราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย

ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสได้ไปสักการะ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หมู่ถ้ำบาจา Bhaja Caves ตอนที่ ๑

หมู่ถ้ำบาจา Bhaja Caves เป็นหนึ่งในหมู่ถ้ำเก่าแก่ทั้งสามที่อยู่ใกล้กัน เรียกขานกันว่า Trilogy of Caves บาจา ก็ย่อมมาจากรากศัพท์ว่า ปทะ ปทัง ที่หมายถึงพระนิพพาน เป็นสถานที่ที่มีบุคคลสำคัญอยู่มาก สังเกตจากมีสถูปอยู่มากประมาณ ๑๓ สถูปอยู่ในบริเวณด้านหลังของหมู่ถ้ำ จะขอยก กถาว่าด้วย ถูปารหปุคคล ๔ เพื่อประกอบการชมถ้ำนะคะ


ถ้ำหลักเป็นพระอุโปสถ มีพระสถูปซึ่งเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
 ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน
คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคล จำพวกหนึ่ง... พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคล จำพวกหนึ่ง... สาวกของพระตถาคต เป็นถูปารหบุคคล จำพวกหนึ่ง พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคล จำพวกหนึ่ง ฯ


ทางขึ้นเขา ไม่มีการขายของ เงียบสงบทีเดียว แต่ไปถึงถ้ำแล้วเด็กนักศึกษาเพียบเลย คงเพราะเป็นช่วงปิดเทอม
 ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมาก ยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้ เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็น ถูปารหบุคคล ฯ
ด้านซ้ายของหมู่ถ้ำ
 ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของ พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ ข้อนี้แล พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า จึงเป็น ถูปารหบุคคล ฯ


ด้านขวงของหมู่ถ้ำ จะเห็นได้ว่าหมู่ถ้ำบาจานี้ คล้ายกับหมู่ถ้ำเบดซา ตรงที่ไม่มีพระพุทธรูปเลย ทั้งด้านนอกและด้านในตัวถ้ำทั่วทั้งบริเวณ
 ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สาวกของพระตถาคต จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของสาวก ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใส ในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ ข้อนี้แล สาวกของพระตถาคต จึงเป็น ถูปารหบุคคล ฯ


ด้านหลังของหมู่ถ้ำมีพระสถูปอยู่มาก เข้าใจว่าเป็นของบุคคลสำคัญ
ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็น ถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระธัมมราชา ผู้ทรงธัมมะนั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ กายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ ข้อนี้แล พระเจ้าจักรพรรดิ จึงเป็น ถูปารหบุคคล ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวกนี้แล ฯ

จะเห็นได้ว่า การสร้างสถูปได้ ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ มิฉะนั้นก็จะออกนอกพระธัมมวินัย สร้างไปไม่ได้กุสล จึงควรที่ชาวพุทธเราจะได้สิกขาหาความรู้เพื่อปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป
ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสได้ไปสักการะ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

หมู๋ถ้ำเคล่า Karla Caves ตอนจบ

หมู่ถ้ำ Karla (ตอนจบ)

ทางขึ้นเขา มีของขายเต็มไปหมด บรรยากาศคึกคักมาก พบได้ที่เดียวคือที่ถ้ำ Karla นี้ ส่วนอีก ๒ ถ้ำที่อยู่ใกล้คือ หมู่ถ้ำ Bhaja และ หมุ่ถ้ำ Bedsa เงียบไม่มีการค้าขาย ไม่คึกคักถึงเพียงนี้

เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวมุมไบและเมืองใกล้เคียงอย่างยิ่ง
ด้านนอกของหมู่ถ้ำมีสำนักฮินดู ไม่อยากบอกเลยว่าสำคัญกว่าอีก!!!!!??????   เขาเฝ้าดูนะจ๊ะ เราไม่แวะเอาดอกไม้วางตรงเทพของเขาเลย ก็ไม่ได้ เลยต้องวาง(อยู่ริมทางเดิน) แล้วรีบเดินไปเลย

เริ่มเจริญธรรม(หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสวดมนต์) ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาเลย
เก็บตกรูปสมัยโบราณของถ้ำ ยังมีร่องรอยการฟัน ทำลายของกองทัพมุสลิมที่ยกทัพเข้าตีอินเดีย โดยในบันทึกได้แสดงความประหลาดใจว่านักรบชุดสีเหลือง (เข้าใจเอาเองว่าภิกขุเป็นนักรบ) ไม่มีการตอบโต้ใดๆ ยอมให้ฆ่าฟันตายกันมหาศาลทีเดียว แล้วพุทธสถานทั้งหลาย ก็ถูกดาบ ขวาน อาวุธ ฟันทำลาย อย่างเช่นช้างที่อยู่ด้านหน้าถ้ำ หรือรอยแหว่งเว้าของรูปปั้นทั้งหลายก็มาจากการฟัน ทำลายด้วยอาวุธ
จะเห็นความเสื่อมโทรมของถ้ำ Karla ที่เคยเป็นหนึ่งในปูมประวัติศาสตร์โลก ต่อไปข้างหน้าก็จะยิ่งถูกลืมเลือนไป แต่สำคัญว่าชาวพุทธเรา จงอย่าลืม อย่าเลือน ถ้าผ่านไปขอช่วยแวะ ซื้อดอกไม้ติดไม้ติดมือไปวางไว้ที่สถูป ทำการสักการะพุทธสถานอันสำคัญแห่งนี้ ให้จารึกไว้ในจิต ให้เกิดกุสลในใจติดไว้เพื่อภพชาติข้างหน้า

มีเพื่อนไป จะดีมากเพราะชาวอินเดียเขากระดากอาย ตกใจ ฯลฯ จู่ๆ มีใครก็ไม่รู้มากราบ มาประทักษิณ พระสถูป ที่เขาเดินไปเดินมา ยืนข้างพระสถูปเต็ะท่าถ่ายรูป สารพัด เขาไม่มีความเคารพ อย่าลืม เพราะเขานับถือพระเจ้า เป็นฮินดู ไม่มาดูแลใดๆ ในความรู้สึกก็เป็นเพียงโบราณสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น จะพบเห็นรอยขีดเขียนอยู่เต็มไปหมด เด็กๆทั้งนั้นในเมืองปูเน่ ท่านจึงอย่าแปลกใจ และต้องหนักแน่นว่านี่คือพุทธสถานอันสำคัญ เป็นที่พึ่ง สักการะเพื่อให้เกิดกุสลในใจ

แต่หากพบเห็นการกระทำที่ทำลาย (ทั้งๆที่ก็มีเยอะแล้ว) โปรดช่วยกัน หยุดยั้งความคะนองมือของเขา อาจช่วยชะลอความโทรมลงได้บ้าง และเป็นกุสลของเราสืบไป
แผนที่สำหรับไปหมู่ถ้ำทั้ง ๓ ซึ่งอยู่ระหว่างทางมุมไบ-ปูเน่

เพื่อความชัดเจน เพิ่มแผนที่ไปอีกใบ

ทางที่สะดวกที่สุดคือ เหมารถค่ะ ถ้าไปคนเดียวจะไม่สะดวก ไปทางรถไฟแล้วต้องจ้างรถสามล้อเข้าไปยังตัวถ้ำอีก มีความเสี่ยง แต่จากที่ไปมา ทั้งถ้ำ Karla และ Bhaja มึคน (เด็ก) ไปเที่ยวเยอะ เพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม ช่วงเด็กปิดเทอมจึงเป็นเวลาที่เหมาะ สำหรับผู้หญิงที่อยากจะไป ส่วนถ้ำ Bedsa ก็จะห้ามคนเข้า เพราะยังอยู่ในช่วงบูรณะ (ดีใจมาก ไม่อยากให้เปิด เดี๋ยวมีสภาพเหมือนอีก ๒ ถ้ำที่เหลือ) แต่ถ้าเราจะเข้าไปสักการะเขาก็ไม่ห้าม ถือถุงดอกไม้ สวดมนต์เข้าไว้ เจ้าหน้าที่ใจดี ให้เข้าไปได้ค่ะ

ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสไปสักการะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

หมู๋ถ้ำเคล่า Karla Caves ตอนที่ ๒

หมู่ถ้ำ Karla สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของชาวปูเน่และมุมไบ ที่เรียกขานรวมกับถ้ำที่อยู่ใกล้ๆ อีก ๒ แห่ง คือ หมู่ถ้ำ Bhaja และหมู่ถ้ำ Bedsa ว่า Trilogy of Caves ด้วยลักษณะร่วมคือมีความเก่าแก่พอๆ กัน จากที่ภายในอุโปสถ ไม่มีพระพุทธรูปอยู่เลย การที่ไม่มีพระพุทธรูปอยู่นี้เป็นเกณฑ์การตัดสินอายุของโบราณสถานอย่างหนึ่งว่า สร้างในสมัยพระเจ้าอโสกมหาราชหรือก่อนหน้านั้น

รูปแกะบนหัวเสาทุกเสา จะเหมือนกัน สวยงาม

ภาษาพรหมมิหรือภาษามคธ เป็นภาษาเดียวเท่านั้นที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ใช้เพื่อเผยแผ่พระพุทธวจนะ เป็นเพราะไม่มีภาษาใดที่จะไปถึงความลึกซึ้งแห่งจิตและเจตสิก (รวมถึงรูปด้วย) เพื่อการพิจารณาไปบรรลุธรรม (วิมุตติ หรือ พระนิพพาน)ได้
กลับมาดูรูป ณ มี.ค.๕๗ ของข้าน้อย เป็นไงคะ เทียบกับรูปที่โหลดจากเว็บสมัยปู่ของปู่ ๒ รูปด้านบน

ที่เห็นเป็นกลมๆใหญ่เหมือนดอกไม้คือดอกมณฑารพ

ถ้ำ Karla ในหน้าฝน
จากสภาพที่เห็นเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ที่นี่ถ้ำพุทธสร้างด้วยความมหัศจรรย์ยิ่ง สร้างด้วยหินแข็งผ่านกาลเวลาเนิ่นนาน นับ ๒,๐๐๐ กว่าปี ยังคงสภาพดีเทียบกับหมู่ถ้ำปิตาลโขรา (ลัทธิตันตระหรือยันตระ) ที่สร้างจากหินบะซอลต์ที่สร้างให้หลังประมาณ ๑,๐๐๐ ปี ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผุพังไปมาก

สิงห์หัวเสาพระเจ้าอโสก บอกถึงอายุของถ้ำได้เป็นอย่างดี ว่าเก่าแก่เพียงใด แต่สภาพ....ก็เป็นอย่างที่เห็น
ทั้งเสาพระเจ้าอโสก ทั้งบริเวณถ้ำ ทุกส่วนอณู เป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ที่เราชนรุ่นหลังไม่สามารถทราบได้เลยว่า สร้างได้อย่างไร จากหินแข็ง สามารถแกะ สลักเสลา ลวดลายได้สวยงาม ทนทานไม่ผุกร่อนตามกาลเวลา

ด้านหน้าถ้ำ
แม้แต่เสาพระเจ้าอโสกที่อยู่ด้านหน้าถ้ำ ก็นับเป็นบุญตาอย่างยิ่ง ไม่อาจทราบได้ว่า สลักเสลาอย่างไรจึงกลมกลึงได้ถึงเพียงนี้ ไปตัดจากภูเขาลูกใดในโลกหรือจึงสามารถทำได้ยาวเพียงนี้ จนป่านนี้ยังไม่มีใครทราบที่มาของเสานี้ว่าจะมาจากภูเขาลูกใด ขนมาได้อย่างไรกัน นี่คือสิ่งมหัศจรรย์อันน่าภาคภูมิใจของเราชาวพุทธ เป็นอิทธิฤทธิ์แท้ อันปรากฏให้ชาวโลกได้เห็น


ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสได้ไปสักการะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

หมู๋ถ้ำเคล่า Karla Caves ตอนที่ ๑

หมู่ถ้ำ Karla เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวมุมไบและชาวเมืองปูเน่ เป็นโบราณสถานอายุ ๒,๐๐๐ กว่าปีที่อาจกล่าวได้ว่า ถูกลดค่ามากที่สุดแห่งหนึ่ง ถ้าเป็น สโตนเฮนจ์ของอังกฤษที่มีอายุเก่าแก่มาก ยังกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ ทำได้แค่ยืนดูอยู่ห่างๆเท่านั้น แต่ที่นี่อย่าว่าแต่จับ ลูบ คลำ ซ้ำยังมีรอยขีดเขียนอยู่เต็มไปหมด เขียนชื่อตัว ชื่อตัว+แฟน ฯลฯ แล้วแต่จะระบายอารมณ์กันต่างๆนานา  ไหนจะค้างคาวเข้ามาปล่อยกลิ่นอีกต่างหาก ลองดูภาพถ่ายก็เป็นพยานยืนยันได้เป็นอย่างดี


อันนี้เป็นรูปสมัยปู่ของปู่ ลองมาเทียบดูกับรูปที่ไปถ่ายเอง (รูปด้านล่าง) เมื่อต้นเดือน มี.ค. พุทธปรินิพพาน ๒,๕๕๗ นี้


คราบร่องรอยของค้างคาว ทำให้ถ้ำดูหมดเสน่ห์ไปมาก จากเดิม เรียกว่ารูปในเว็บของชาวอินเดียที่เห็น(ซึ่งส่วนมากเป็นรูปสมัยโบราณ) เทียบกับของจริงที่ไปถ่ายมา ดูแล้วอึ้งกิมกี่ไหมคะท่าน ความจริงถ้ำนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในสมัยโบราณ แม้แต่โสเครติสยังพูดถึงภิกขุ ณ ถ้ำแห่งนี้ และยังนับถือ มีกล่าวไว้ในประวัติศาสตร์โลกอย่างวิกิพีเดีย แต่ปัจจุบันอาจด้วยสภาพอย่างนี้ ได้ถูกปลดออกจากปูมประวัติศาสตร์โลกไปแล้วอย่างน่าเสียดาย โดยคนไทยยังไม่ทันได้รู้จัก  เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง จะขอแสดงรูปต่อไปให้ได้ชม หากชาวพุทธไปเยี่ยมชม ขอฝากให้ดูแลถ้ำแห่งนี้ให้คงอยู่ต่อไปชั่วกาลนาน

ด้านหน้าถ้ำ เป็นกษัตริย์ผู้บริจาคสร้างถ้ำ
ชื่อของหมู่ถ้ำนี้ ขออนุญาตเรียกตามชาวอินเดียว่า เคล่า(Karla)

รูปแกะสลักเป็นงานที่เกิดจากศรัทธา ไม่เหมือนสถานที่บางแห่ง เช่น อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่สร้างเสร็จแล้วก็ฆ่าแกงคนทำเป็นว่าเล่น ไม่ให้ไปสร้างงานสวยๆที่ไหนได้อีก แล้วคนพุทธ(แสวงบุญ)กลับชอบไปกัน เป็นเรื่องน่าแปลก
ด้านข้างประตูเข้าด้านบน (ปีนขึ้นไปแกะได้ไงเนี่ยสูงนะ)
ด้านข้างประตูทางเข้าด้านล่างเป็นช้าง (หินแข็งทั้งน้าน แกะได้ไงเนี่ย)

รูปแกะสลัก ด้านซ้ายต้นพระสิริมหาโพธิ์ ตรงกลางเจดีย์(เจติยะ) ด้านขวาเสาพระเจ้าอโสก
น่าจะเป็นดอกไม้
ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสได้ไปสักการะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ