วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หมู่ถ้ำบาจา Bhaja Caves ตอนที่ ๒

หมู่ถ้ำบาจา Bhaja Caves เช่นเดียวกับหมู่ถ้ำเบดซา คือมีสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาอยู่เท่านั้น ไม่มีพระพุทธรูปอยู่เลยทั่วทั้งบริเวณ เป็นการประกาสความเป็นชาวพุทธแท้ให้โลกได้รับรู้
โดยทั่วไปเป็นที่ทราบกันดีว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเป็นผู้ริเริ่มการปั้นพระพุทธรูปขึ้น จากการที่เข้ามาทำสงครามขยายอาณาเขตถึงอินเดีย และได้เป็นพันธมิตรกับแคว้นคันธารราษฎร์ เมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๐๐-๓๐๐ ตรงกับรัชสมัยของพระราชบิดาของพระเจ้าอโสกมหาราช การปั้นรูปเหมือนเพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าจึงเริ่มอยู่ในใจของชาวอินเดีย แต่ก็ไม่แพร่หลาย แม้แต่ในสมัยพระเจ้าอโสกมหาราช ก็ไม่ทรงปั้นพระพุทธรูปแต่อย่างใด เนื่องจากในสมัยท่านยังมีพระอรหันตเจ้าผู้รอบรู้ในพระธัมมวินัยอยู่เป็นอันมาก หมู่ชนทั้งหลายจึงทราบว่าการปั้นพระพุทธรูปนั้น ไม่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าได้เลย
ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสปัจฉิมโอวาทดังนี้
โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา.
อันมีความหมายว่า พระพุทธวจนะ (พระธัมมวินยะ) คือ พระศาสดาของเธอในกาลล่วงไปแห่งตถาคต
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ไม่เคยทรงตรัสว่าพระพุทธรูปที่ปั้นขี้นมาจะเป็นตัวแทนของพระองค์


พวงดอกไม้ เพื่อสักการะพระพุทธองค์
หมู่ถ้ำทั้งสาม คือ เคล่า บาจา และเบดซานั้น(Karla, Bhaja and Bedsa) น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอโสกมหาราช เนื่องจากไม่มีพระพุทธรูปอยู่ สำหรับถ้ำเคล่า มีการสร้างต่อเติมขึ้นมาเรื่อยๆ จึงปรากฏพระพุทธรูปขึ้น แต่ก็เฉพาะด้านนอกพระอุโบสถเท่านั้น

เครื่องประดับอันวิจิตรเพื่อบูชาพระพุทธองค์
ด้านหน้าของหมู่ถ้ำทั้งสาม(Karla, Bhaja and Bedsa) มีเสาพระเจ้าอโสกทั้งสิ้น จึงสร้างมาเนิ่นนาน ๒,๐๐๐ กว่าปีแน่นอน

ตรงกลางแทนพระอาทิตย์ ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว สัญลักษณ์นี้หมายถึงจักรวาล พระสัพพัญญุตญาณไม่สิ้นสุด ดุจดังจักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด
การที่ปุถุชนจะบรรลุธัมมะได้ ต้องสะสมธัมมะของพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่เบื้องต้นเป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะในเรื่องของปรมัตถธัมมะ คือ จิต... เจตสิก... รูป ต้องสิกขาธัมมะอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เราเป็นปุถุชนไม่มีสิทธิ์คิดเอง ต้องตามธัมมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น


ดอกไม้เพื่อบูชาพระพุทธองค์
ธัมมะของพระพุทธองค์ไม่มีใครสามารถจะคิดให้เหมือนได้ เราต้องสิกขาตามพระพุทธองค์เท่านั้น ต้องฟังธัมมะและใคร่ครวญให้ลุ่มลึก เราฟังธัมมะ และนำเข้าไปเก็บในจิตเรา ในชวนจิต(อ่าน ชะ-วะ-นะ) จะมี “หสิตุปปาทจิต” ที่เป็นจิตพุทธะ คอยตัดสิน ว่าเป็นธัมมะของพระพุทธเจ้าหรือไม่ หสิตุปปาทจิต เป็น จิตพระพุทธเจ้า จะเกิดขึ้น เมื่อมี “พระพุทธวจนะ” เข้าไปในจิตเท่านั้น

พวงดอกไม้เพื่อบูชาพระรัตนไตร
“หสิตุปปาทจิต” เป็นจิตที่คอยรับฟังธัมมะของพระพุทธองค์อย่างเดียว หสิตุปปาทจิต จะรู้ว่า สิ่งใดเป็นธัมมะ สิ่งใดเป็นอธัมมะ เขาจะรับแต่ “พระพุทธวจนะที่ถูกต้อง” ถ้าไม่ใช่จะถูกส่งไปเข้า “อกุสลจิต” โดยมี “อกุสลเจตสิก” มารับ เขาทำงานอยู่ภายใน โดยเราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย

ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสได้ไปสักการะ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น