วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

หมู่ถ้ำเบดซา Bedsa Caves ตอนที่ ๔

ขณะจิต ๑ ขณะ มี ๓ อนุขณะคือ อุปาทะ ฐีติ ภังคะ หมายถึง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ สะสม ไม่ใช่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะภังคะนำไปสู่ภวังคะ ไม่มีจิตใดจะดับไป ที่ดับแล้วไปเกิดใหม่คือรูปเท่านั้น แต่จิตจะไม่สูญหายเลยมีแต่จะสร้างภพชาติให้เราไปเกิดใหม่ต่อไปไม่จบสิ้น ยกเว้นแต่สามารถกำจัดกิเลสแล้วดับจิตเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าจิตดับได้เองก็ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะสามารถบรรลุธรรมได้ง่ายมาก
จิตนั้นสะสมทุกสิ่ง รับเข้ามาทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นจิต เช่น ที่นอน หมอน มุ้ง เตียงนอน โคมไฟ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ผัก ผลไม้ ข้าว ปลา เพื่อน ฯลฯ มีความละเอียดมาก ชั่วเวลาดีดนิ้วเท่านั้นจิตเกิดขึ้นเป็นแสนโกฏิขณะ(๑ โกฏิเท่ากับ ๑๐ ล้าน)เช่นทุกคำที่ท่านเห็นในตอนนี้ ตั้งแต่ ก-ฮ สระ พยัญชนะทุกตัวเป็นจิตทั้งสิ้น ธรรมะที่ท่านได้อ่านอยู่นี้ใช้จิตสะสมจำนวนมหาศาล จิตนั้นละเอียดอ่อนกว่าที่คิดมาก เช่นการทะเลาะกัน เป็นจิตโลภะที่ ๑ ทะเลาะกับจิตโลภะที่ ๒ จิตโลภะทะเลาะกับจิตโทสะ ฯลฯ จิตทะเลาะกันเอง แต่เราจะยึดว่าเราทะเลาะกับคนอื่น แต่คนอื่นที่ว่านั้นก็เป็นของเราด้วย คือเป็นจิตเราด้วยนั่นเอง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นจิตทั้งสิ้น อาศัยจิตจึงเกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เป็นสิ่งที่เราได้เคยสร้างไว้ เช่น การเรียนวาดรูป บางท่านเพียงแค่เห็นอาจารย์วาดรูปให้ดูก็วาดตามได้อย่างสวยงาม บางท่านดูแล้วเรียนแล้ว อาศัยการฝึกฝนมากก็ทำได้ บางท่านแม้จะทำอย่างไรฝึกฝนมากเพียงไรก็ยังทำไม่ได้ เป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างอาศัยจิตจึงเกิดขึ้น เราได้เคยสร้างไว้ก่อนแล้ว ถ้าเราไม่เคยสร้างไว้ จะไม่ปรากฏแก่เราหรือเราจะไม่สามารถทำได้ ในเบื้องต้นก็จำเป็นต้องจดจำจิตว่าจิตมี ๑๒๑ และมีอะไรบ้าง
จิตสร้างรูปสร้างโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ขั้วโลก จักรวาล แม่น้ำ ต้นมะม่วง ต้นสัก ต้นชมพู่ พ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา โรงเรียน วิชาความรู้ ฯลฯ เป็นรูป แม้กระทั่งความคิดยังเป็นรูป ขอยกตัวอย่าง ท่านลองคิดเป็นภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น จีน เกาหลี ท่านสามารถคิดได้หรือไม่ เราก็จะคิดแต่ภาษาไทยเท่านั้น การทำงาน อารมณ์ ความคิด สิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ต่างๆ เป็นรูปทั้งสิ้น จิตที่อยู่ลึกมากๆนั้นไร้ร่องรอยไม่สามารถรู้ได้เลย การทำงานของจิตชั่วเวลาดีดนิ้วเท่านั้นจิตเกิดขึ้นเป็นแสนโกฏิขณะ ทำงานหลายชั้นนับไม่ถ้วนกว่าจะขึ้นมาเป็นรูปให้เราได้รู้สึก สัมผัสได้ ทุกสิ่งที่เรารับรู้ได้เป็นรูปทั้งสิ้น ในเบื้องต้นก็จำเป็นต้องจดจำรูปว่ารูปมี ๒๘ และมีอะไรบ้าง
การทำงานของจิตต้องอาศัยเจตสิก จิตเกิดที่ไหน เจตสิกเกิดที่นั่น เจตสิกเกิดขึ้น อุปาทะ ฐีติ ภังคะ พร้อมกับจิต จิตเกิดขึ้นเป็นแสนโกฏิขณะ เจตสิกก็เกิดขึ้นเป็นแสนโกฏิขณะ จิตมีคุณสมบัติอย่างไรเจตสิกก็เป็นเช่นนั้นด้วย เช่น จิตเป็นอกุศลเจตสิกก็เป็นอกุศลด้วย จิตเป็นกุศลเจตสิกก็เป็นกุศลด้วย จิตเป็นวิบากเจตสิกก็เป็นวิบากด้วย เจตสิกมี ๕๒ ซึ่งต้องจดจำ พุทธวจนะเป็นข้อธรรมที่สำคัญทั้งสิ้น เจตสิกเป็นพื้นฐานเช่นเดียวกับจิต ถ้าเราไม่รู้จักเจตสิกจะสับสนกับองค์ธรรม เช่น ศรัทธา สติ สมาธิ ปัญญา ไม่ใช่เพียงเจตสิกแล้ว แต่เป็นจิต เจตสิก รูปในโลกุตตระที่ทำงานกันอย่างมากมายมหาศาล เป็นองค์ธรรมซึ่งกว่าจะได้มานั้นแสนยาก เนื่องจากเป็นจิต เจตสิก รูปที่ทำงานในฝ่ายกุศลหรือโลกุตตระเท่านั้น ในเบื้องต้นก็จำเป็นต้องจดจำเจตสิกว่าเจตสิกมี ๕๒ และมีอะไรบ้าง
จากที่ได้อธิบายมาท่านคิดว่าเรามีความสามารถจะดูจิตได้หรือไม่ แม้แต่พระอรหันต์ท่านยังกล่าวว่าจิตนั้นมองไม่เห็น
สัญลักษณ์ Spiral (เกลียว) คือการสิกขาธัมมต้องไม่หยุดนิ่ง มีการพัฒนาเรียนรู้มากขึ้นๆ มิฉะนั้นจะยึดติดเป็นอุปาทาน

การตีความนั้นสำคัญที่ต้องอิงหลักธัมมในพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ และไม่ดูเป็นการลบหลู่ในคุณพระรัตนตรัย

ในสมัยแรกๆ ยังไม่มีพระพุทธรูปเนื่องจากพระอรหันตเจ้าท่านเกรงว่าจะเป็นการอวดอุตริมนุสสธรรม เพราะท่านไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าจึงไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร

ในสมัยพระเจ้าธรรมาโศกราช (พระเจ้าอโศก) ยังไม่มีการปั้นพระพุทธรูป จึงใช้สัญลักษณ์แทนพระรัตนตรัย

เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ยกทัพมาตีแว่นแคว้นต่างๆ (ประเทศอินเดียในปัจจุบัน) พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากจึงอยากเห็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีใครเคยเห็นจึงไม่สามารถแนะนำได้ พระองค์จึงใช้เทวรูปเป็นต้นแบบในการปั้น อย่างไรก็ตามทรงใช้เวลาอยู่ในอินเดียเพียง ๑ ปี ๘ เดือนเท่านั้น และมีแต่การทำศึกสงครามเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มีการสิกขา (ศึกษา) ธรรมแต่อย่างใด ก็เสด็จกลับประเทศกรีกแล้ว

ท่านคิดว่าพระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า จริงหรือ?

ก่อนปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้มีพุทธวจนะ ดังนี้คือ โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา. ดูก่อนอานันทะ(อานนท์) ธรรม(ธมฺม) และ วินัย(วินย)ใด ที่ตถาคตแสดงแล้ว บัญญัติ(ปญฺญตฺติ)แล้ว แก่เธอทั้งหลาย ธรรม และ วินัยนั้น จะเป็น ศาสดาของเธอทั้งหลาย ในกาลล่วงไปแห่งตถาคต


จึงมีแต่พระพุทธวจนะเท่านั้น ที่จะเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าได้

ชาวพุทธเราควรช่วยกันดูแลพุทธสถาน
ในต่างประเทศหาชาวพุทธได้ยาก
ควรสนใจดูแล
พุทธสถานจะอยู่ต่อไปให้รุ่นลูกหลานได้มีโอกาสได้ไปสักการะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
(ควรอ่านตามลำดับตั้งแต่โพสต์แรก มิฉะนั้นท่านอาจสับสนและไม่เข้าใจ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น